![]() |
ในสมัยพระพุทธกาล เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรูสำเร็จเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ประดิษฐานพระศาสนาของพระองค์ ณ กรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ นครที่ศูนย์กลางอำนาจทั้งการเมือง ศาสนา เศรษฐกิจ เป็นที่ชุมนุมของพ่อค้า เจ้าลัทธิในสมัยนั้น ซึ่งปกครองโดยพระเจ้าพิมพิสาร สมัยพระเจ้าอชาติศัตรูได้ทรงทำนุบำรุงพระภิกษุสงฆ์และพระพุทธศาสนา ด้วยพระราชศรัทธาอย่างยิ่ง พุทธศาสนาเจริญสูงสุดในชมพูทวีป เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน เริ่มพุทธศักราชที่ ๑ ได้ ๙๐ วัน ได้ทำสังคายนาครั้งที่ ๑ ณ กรุงราชคฤห์ โดยพระมหากัสสปะเถระเป็นประธาน
ในสมัยพระเจ้าอชาตศัตรูเกิดพระอรหันต์และสาวกมากมายพร้อมกัน ความเจริญของพระนครทำให้กรุงราชคฤห์ที่รายรอบด้วยเบญจคีรีไม่สามารถขยายได้อีกต่อไป ทั้งมีพระราชประสงค์ที่จะขยายอำนาจสู่นครเวสาลี เมืองหลวงของแคว้นวัชชีซึ่งอยู่ตะวันตกของแม่น้ำคงคา ทั้งยังเป็นการขายเศรษฐกิจโดยใขการเดินเรือขนส่งผ่านแม่น้ำคงคา จึงย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองปาตาลีบุตรฝั่งตะวันออกของแม่น้ำคงคาตรงข้ามกรุงราชคฤห์คือเมืองปัตนะ ในรัฐวิหารในปัจจุบัน
หลังพุทธกาล ๒๐๐ กว่าปี ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้ขยายพระราชอาณาจักไปทั่วชมพูทวีป ในขณะนั้นเกิดมีพระเถระสำคัญองค์หนึ่งคือ พระอุปคุต ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยชอบสงบ สันโดด บำเพ็ญเพียรจนสำเร็จพระอรหันต์เป็นพระขีณาสพ มีฤทธานุภาพมาก ท่านก็อธิษฐานลงไปอยู่ใต้สะดือทะเล โดยเนรมิตเรือนแก้วขึ้นจำพรรษา หลังสงครามแผ่อำนาจของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่เมืองกลิงคะ พระองค์ทรงโทมนัสหดหู่พระทัยมาก เนื่องจากมีผู้คนล้มตายจากการรบครั้งนี้ถึงสามแสนคน จึงหันมาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เกิดพระราชศรัทธาอย่างแรงกล้า ได้ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ทรงสร้างวัดวาอารามมากมายทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ ทั้งยังได้เผยแผ่พรพะพุทธศาสนาไปทุกทิศทางนองพระราชอาณาจักรของพระผงค์ ได้รวบรวมเอาพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าจากนคร ๘ นคร ที่ได้รับแบ่งครั้งถวายพระเพลิงพระบรมศพจากโทณพราหมณ์ แล้วทรงแบ่งออกได้ถึง ๘๔,๐๐๐ ส่วน เพื่อบรรจุไว้ในเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ แห่งในพระราชอาณาจักร หลังจากสร้างสถูปเจดีย์เสร็จในพุทธศักราช ๒๑๘ ได้จัดให้มีพิธีฉลองสมโภชเจดีย์เหล่านั้นเป็นการมโหฬารยิ่งถึง ๗ ปี พญามารวัสสะวดีเทพบุตร เห็นเป็นการสมโภชมหาเจดีย์บรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า จึงเข้าขัดขวางเพื่อทำลายการสมโภช โดยบันดาลให้เกิดความแห้งแล้งไปทั่ว เกิดความอดอยาก คณะสงฆ์นครปาตาลีบุตรเห็นชอบให้อาราธนาพระอุปคุตมาปราบพญามาร ทำหน้าที่ควบคุมคุ้มครองรักษางานให้เป็นไปด้วยความปลอดภัยจากเหตุร้ายต่างๆจากพญามาร
ท่านก็ยินดีรับสามารถจับพญามาร โดยอธิษฐานร่างหมาเน่าเข้าคล้องคอพญามาร พญามารยอมแพ้แต่ท่านทราบด้วยญาณว่า พญามารไม่ได้ยอมแพ้ด้วยความจริงใจ จึงจับไปกักขังไว้ที่ถ้ำในเขาลูกหนึ่งนอกเมืองปาตาลีบุตร พญามารสำนึกได้ว่า ครั้งพระพุทธเจ้าตรัสรู้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตนเคยเข้าขัดขวาง แต่พระองค์ไม่ถือโกรธหรือลงโทษ ทั้งที่พระองค์ทรงกระทำได้ หรือแม้แต่พระสงฆ์สาวกของพระองค์จะทำโทษตนเองอย่างไรก็ได้ ตนไม่สามารถต่อกรได้เลย แต่ท่านก็ไม่ทำ จึงเกิดเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ปรารถนาจะบวชเพื่อบำเพ็ญเพียรให้ถึงพระนิพพานบ้าง พระอุปคุตทราบด้วยญาณจึงปล่อยพญามารเป็นอิสระ
ตั้งแต่นั้นมา คราวใดมีพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เมื่อได้รับอาราธนาท่านก็จะเดินทางมาช่วยเสมอ เช่นการสังคายนาครั้งที่ ๓ พุทธศักราช ๒๕๕ ณ วัดอโศการาม เมืองปาตาลีบุตร โดยพระโมคคัลลีบึตรเถระในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ก็อาราธนาท่านมาอำนวยความปลอดภัย จึงถือเป็นประเพณีตั้งแต่นั้นมา ด้วความเชื่อดังกล่าว ด้วยตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ทั้งยังถือเป็นสิริมงคลงาน เมื่อมีงานใหญ่มีผู้คนจำนวนมาก ชาวอีสานจึงมีพิธีแห่พระอุปคุตจนกลายเป็นประเพณีสืบมา
พระอุปคุตแบบต่างๆ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
งานแห่พระอุปคุตของชาวอำเภอธาตุพนม มีขึ้นเป็นประจำตั้งแต่ครั้งอดีตที่เริ่มมีงานนมัสการพระธาตุพนมหรืองานบุญเดือนสาม ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๔๔ เป็นต้นมา กำหนดการจะมีขึ้นในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี เพราะวันนี้ข้าโอกาสพระธุพนมจะหลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง เพื่อนำข้าวสาร อาหารแห้ง พืชผักทุกชนิดมาถวาย เรียกว่า ข้าวพีชภาคถวายบูชาแด่พระธาตุพนม ทางวัดพระธาตุพนมจะได้นำไปมอบให้โรงทานทำภัตตาหารถวายพระ และอุปถัมภ์ญาติโยมที่มานมัสการพระธาตุพนมในงาน
พิธีเริ่มตั้งแต่เช้ามือริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อเตรียมเครื่องสักการะ พิธีและขบวนแห่ โดยมีพระเถระและภิกษุสามเณรวัดพระธาตุพนม ข้าราชการทุกหมู่เหล่า พ่อค้า ประชาชน รวมทั้งผู้ที่มานมัสการพระธาตุพนม เวลาประมาณ ๐๗.๓๐ น. พิธีกรจำนำสวดมนต์ไหว้พระรับศีล แล้วอาราธนาพระอุปคุต
อุปคุตโต จะ มหาเถโร
ลิชชะวุตโต สมุททะโย
ปาโตตะลา อายะตุ เอกมาโย
เตกะมาโร โย โย อุปคุตโต
เมื่อเสร็จอาราธนาแล้ว ตัวแทนซึ่งจะกำหนดเป็นนายอำเภอธาตุพนมสมมติแทนเจ้าเมือง จะดำน้ำเพื่ออาราธนาพระอุปคุต เมื่อขึ้นจากแม่น้ำแล้วก็จะถวายอัฎฐบริขาร หมากพลู แล้วอาราธนาขึ้นเสลี่ยงหรือรถเปิดประทุน เพื่อให้ประชาชนรายทางสักการะ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. ขบวนแห่จะเริ่มเคลื่อนตามถนนกุศลรัชฎากรตรงเข้าสูวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร นำขบวนโดยคณะสงฆ์ ซึ่งมีพระเถระนำหน้าสมมติเป็นพระสงฆ์เมืองปาตะลีบุตร โดยมีแตรวง กลองยาว พิณ แคนบรรเลง ช่างฟ้อน ช่างรำรำตามขบวน สองข้างทางจะมีผู้มีจิตศรัทธาถวายดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องสักการะ เงิน ทองมิได้ขาด โดยเฉพาะร้านค้าซึ่งเรียงรายอยู่ก่อนแล้ว เชื่อว่าใครได้บูชาพระอุปคุุต จะมีโชค ค้าขายร่ำรวย
เมื่อเข้าสู่วัดพระธาตุพนมแล้วจะประทักษิณ ๓ รอบ แล้วนำพระอุปคุตประดิษฐานไว้บนหอพระแก้ว แล้วประธานจะกล่าวนำบูชาพระธาตุพนม เป็นเสร็จพิธี เมื่อเสร็จสิ้นงานนมัสการพระธาตุพนมแล้ว ๓-๘ วัน จะอาราธนาพระอุปคุตไปสู่แม่น้ำโขงซึ่งสมมมติว่าเป็นสะดือทะเลอีกครั้ง งานนมัสการพระธาตุพนมถือเป็นมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ผู้คนมาชุมนุมกันเป็นเรือนแสนเรือนล้าน ๙ วัน ๙ คืน โดยไม่มีเหตุร้ายใดๆลุล่วงมาทุกปี ด้วยฤทธาของพระอุปคุตมหาเถระ ด้วยเดชบารมีขององค์พระธาตุพนม
ในปี พ.ศ.2554 ธนาคารกรุงเทพได้นำกฐินพระราชทานมาทอดถวายที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้จัดสร้างวัตถุมงคล พระผงและเหรียญพระอุปคุตพระธาตุพนม รุ่นเจริญทรีพย์ เจริญยศ เจริญสุข เพื่อมอบให้พุทธศาสนิกชนผู้ร่วมทำบุญสมทบพระกฐินพระราชทาน ซึ่งวัตถุมงคลนี้บรรจุในองค์พระธาตุพนมตลอดระยะเวลา 3 เดือนในช่วงพรรษา ตั้งแวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 และทำพิธีพุทธภิเษกในวันที่ 29 ตุลาคม 2554
![]() |
![]() |
พระอุปคุตปางล้วงบาตร ปิดทอง 5 นิ้ว เจริญทรัพย์ เจริญยศ เจริญสุข |
พระผงและเหรียญพระอุปคุต พระธาตุพนม เจริญทรัพย์ เจริญยศ เจริญสุข |
ภาพขบวนแห่อัญเชิญพระอุปคุตในงานนมัสการพระธาตุพนม
{morfeo 2}